Share:
หมวดหมู่: ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- คำนำ
- สารบัญ
- ส่วนที่ 1,2,3
- แบบฟอร์มงบบริหารจัดการจังหวัด
- แบบฟอร์ม กสส.01
- แบบฟอร์ม กสส.02
- แบบฟอร์ม กสส.03
- แบบฟอร์มแสดงความจำนงไม่ขอรับการสนับสนุน
- แบบฟอร์มการเสนอโครงการที่ไม่ได้รับการอนุมัติ
- รายงานการใช้จ่ายเงินตามแผนปฏิบัติงานกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ประจำเดือน
- รายงานสรุปการใช้จ่ายเงินของโครงการ
- แบบฟอร์มทะเบียนคุมทรัพย์สิน
- แบบฟอร์มประวัติซ่อมบำรุง
- แบบฟอร์มใบเสร็จรับเงิน
- แบบฟอร์มใบรับบริจาคสิ่งของ
- ระเบียบว่าด้วยการบริหารกองทุน การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์ และการจัดการกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ.2548
- ระเบียบว่าด้วยการอนุมัติการจ่ายเงิน การรายงานสถานะการเงิน และการใช้จ่ายเงิน
- ระเบียบว่าด้วยการอนุมัติการจ่ายเงิน การรายงานสถานะการเงิน (ฉบับที่ ๒)
- ระเบียบว่าด้วยการกำกับ ดูแล ตรวจสอบการดำเนินงาน หลักเกณฑ์และวิธีการรายงานการใช้จ่ายเงินขององค์กรสาธารณประโยชน์ พ.ศ. 2549
- ระเบียบว่าด้วย การคืนเงินอุดหนุนที่องค์กรสาธารณประโยชน์ได้รับไปตามมาตรา 40 พ.ศ.2549
- ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการรับเงินหรือทรัพย์สินที่ผู้บริจาคให้ทางราชการ พ.ศ. 2526
- เกณฑ์วงเงินค่าใช้จ่ายในการพิจารณาโครงการตามระเบียบหรือประกาศของทางราชการกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม
- ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนเรื่องหลักเกณฑ์การกำหนดวงเงินและรายการที่ให้การสนุบสนุนจาก กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่1)
- ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนเรื่องหลักเกณฑ์การกำหนดวงเงินและรายการที่ให้การสนุบสนุนจาก กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่2)
- หลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่นในการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม
- คำสั่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง การมอบอำนาจให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด สั่งจ่ายเงินและลงนามในสัญญารับเงินอุดหนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม
- ข้อกำหนดคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ว่าด้วยการกำหนดบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเป้าหมายเป็นผู้รับบริการสวัสดิการสังคม พ.ศ.2555
- รายงานสรุปการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม
Share:
1. การสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กในสถานแรกรับ/สถานสงเคราะห์/สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ/สถานพัฒนาและฟื้นฟู 1.1 การดูแลเด็กในสถานแรกรับ (รับเด็กอายุ 6-18 ปี) มีสถานแรกรับเด็กชาย-หญิง จำนวน 2 แห่ง ใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดนนทบุรีและปทุมธานี 1.2 การดูแลเด็กอ่อนในสถานสงเคราะห์ (รับเด็กแรกเกิด-5 ปี) มี 8 แห่ง ใน 7 จังหวัด คือ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี ขอนแก่น สงขลา เชียงใหม่ อุดมธานี และนครศรีธรรมราช 1.3 การดูแลเด็กในสถานสงเคราะห์เด็ก (รับเด็กอายุ 6-18 ปี) มี 15 แห่ง ใน 14 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ชลบุรี สระบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา หนองคาย อุดรธานี นราธิวาส ปัตตานี ยะลา นครศรีธรรมราช และสงขลา 1.4 การดูแลเด็กในศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพเด็กและเยาวชน (รับเด็กอายุ 6-18 ปี) มี 1 แห่ง ที่จังหวัดศรีสะเกษ 1.5 การดูแลเด็กในสถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก (รับเด็กอายุ 6-18 ปี) มี 4 แห่ง ที่จังหวัดขอนแก่น ระยอง นนทบุรีและปทุมธานี 1.6การดูแลเด็กในสถานพัฒนาและฟื้นฟู (รับเด็กอายุ 6-18 ปี) มี 4 แห่ง ที่จังหวัดชลบุรี ลำปาง หนองคายและสุราษฎร์ธานี 1.7 การจัดบริการที่พักชั่วคราวแก่เด็กและครอบครัวที่ประสบปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง โดยเป็นสถานแรกรับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และเป็นสถานที่รับตัวชั่วคราวตามกฎหมาย 3 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 ดำเนินการในบ้านพักเด็กและครอบครัว 36 แห่งทั่วประเทศ |
2. การสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและพัฒนาเด็กในครอบครัวชุมชน 2.1 สงเคราะห์เด็กในครอบครัว มีการจัดบริการสงเคราะห์เด็กในครอบครัวยากจน ประสบปัญหาความเดือดร้อนและสงเคราะห์เด็กนักเรียนขาดแคลน ดังนี้ 1. การให้คำปรึกษาแนะนำ 2. การให้การช่วยเหลือเป็นเงิน สิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์การศึกษา หรือให้การช่วยเหลือทั้งเงินและสิ่งของในคราวเดียวกัน ในวงเงินครั้งละไม่เกิน 2,000 บาท ต่อเด็กหนึ่งคนในครอบครัว และไม่เกิน 3,000 บาท สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเกินกว่าหนึ่งคน 2.2 การจัดหาครอบครัวอุปถัมภ์ เป็นการบริการจัดหาครอบครัวทดแทนชั่วคราวให้กับเด็กในสถานสงเคราะห์ เด็กกำพร้า เด็กถูกทอดทิ้ง ซึ่งมีผู้เลี้ยงดูไว้ในครอบครัว อายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 18 ปีบริบูรณ์ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กได้เจริญเติบโตอยู่ในครอบครัวแทนการเลี้ยงดูเด็กไว้ในสถานสงเคราะห์ หากครอบครัวที่เลี้ยงดูเด็กประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจ จะได้รับการสนับสนุนเป็นเงินช่วยค่าเลี้ยงดูเด็ก รายละไม่เกิน 2,000 บาทต่อเดือน และ/หรือช่วยเหลือเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กเดือนละไม่เกิน 500 บาท กรณีเห็นสมควรให้ความช่วยเหลือครอบครัวที่อุปการะเด็กมากกว่า 1 คน ช่วยเหลือเงินค่าเลี้ยงดูเดือนละไม่เกิน 4,000 บาท และ/หรือช่วยเหลือเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคเดือนละไม่เกิน 1,000 บาท ทั้งนี้ตามระเบียบกรมประชาสงเคราะห์ว่าด้วยการสงเคราะห์เด็กแบบครอบครัวอุปถัมภ์ พ.ศ. 2544 และประกาศกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เรื่อง อัตราและหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยค่าเลี้ยงดูเด็กแก่ครอบครัวอุปถัมภ์ และ/หรือ ช่วยเหลือเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กตามความจำเป็น 2.3 การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม เป็นการดำเนินงานด้านการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมโดยการจัดหาครอบครัวทดแทนที่มีลักษณะถาวร ซึ่งเป็นครอบครัวบุญธรรมชาวไทยที่มีสัญชาติไทย และมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย หรือครอบครัวบุญธรรมชาวต่างประเทศที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งในด้านกฎหมายและด้านของสังคมของประเทศนั้น ๆ ให้กับเด็กกำพร้าถูกทอดทิ้งที่อยู่ในความอุปการะของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เด็กกำพร้าที่อยู่ในความอุปการะขององค์การสวัสภาพเด็ก (เฉพาะครอบครัวบุญธรรมชาวต่างประเทศ) เด็กที่บิดามารดาที่แท้จริงยินยอมยกให้ เนื่องจากไม่สามารถให้การอุปการะเลี้ยงดูได้และเด็กที่มีคำสั่งศาลแทนการให้ความยินยอมของบิดามารดาเด็ก โดยดำเนินงานภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. พระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. 2522 2. พระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2533 3. กฎกระทรวงฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม 4. พระราชบัญญัติการจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478 5. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2.3.1 การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมของชาวไทย จุดบริการ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม สำหรับผู้มีภูมิลำเนาในเขตกรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด สำหรับผู้มีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้น ๆ คุณสมบัติผู้ขอรับบริการ 1. คุณสมบัติตามกฎหมาย : ผู้ที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมจะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น คือ 1.1 ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ (นับตั้งแต่วันเกิด ถึงวันที่ยื่นคำร้อง) 1.2 ต้องมีอายุแก่กว่าเด็กที่จะรับเป็นบุตรบุญธรรม อย่างน้อย 15 ปี 1.3 ต้องเป็นผู้ที่ไม่ต้องห้ามเป็นผู้ปกครองเด็กตามมาตรา 1587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2. คุณสมบัติทางสังคม 2.1 กรณีขอรับเด็กกำพร้า ควรมีคู่สมรสตามกฎหมาย เพื่อเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ มีทั้งบิดามารดา และไม่ควรมีอายุห่างจากเด็กมากเกินไป 2.2 มีฐานะการครองชีพและสถานภาพทางเศรษฐกิจที่มั่นคง / มีที่อยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ดี / มีเวลาพร้อมให้กับเด็กที่จะรับเป็นบุตรบุญธรรม 2.3.2 การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมของชาวต่างประเทศ จุดบริการ ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม สถานเอกอัครราชทูต / หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ / องค์กรสวัสดิภาพเด็กในต่างประเทศ คุณสมบัติผู้ขอรับบริการ 1. ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์ และต้องมีอายุมากกว่าเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม อย่างน้อย15 ปี 2. จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้ตามกฎหมายของประเทศที่ผู้ขอรับมีภูมิลำเนาอยู่ ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย กรณีผู้ขอรับฯ ยื่นคำขอในประเทศไทยจะต้องมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยอย่างน้อย ๖ เดือน และมีระยะเวลาสำหรับการทดลองเลี้ยงดูเด็กไม่น้อยกว่าหกเดือน 3. ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมที่มีบุตรอยู่ในความอุปการะ 3 คนขึ้นไป จะมีการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ขอฯ 4. ต้องไม่เป็นผู้ต้องห้ามเป็นผู้ปกครองเด็กตามมาตรา 1587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 5. กรณีขอรับเด็กกำพร้าควรมีคู่สมรสตามกฎหมาย เพื่อเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ มีทั้งบิดามารดาและไม่ควรมีอายุห่างจากเด็กมากเกินไป 2.4 การอนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กและสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ มีภารกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนดำเนินงานสถานรับเลี้ยงเด็กและสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เพื่อช่วยในการพัฒนาและคุ้มครองสวัสดิภาพ เด็ก / เยาวชน อายุแรกเกิด-18 ปี ให้ได้รับการพัฒนาศักยภาพเหมาะสมตามวัย เพื่อส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยการอนุญาตให้จัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กและสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน และสนับสนุนการดำเนินงานโดยการตรวจเยี่ยม ให้คำแนะนำ การพัฒนาบุคลากร อาหารเสริมและสื่อพัฒนาการเด็กตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เป็นต้น 2.5 การจัดบริการสถานรับเลี้ยงและพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเป็นสวัสดิการแก่บุตรหลานข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่มีรายได้น้อย เพื่อให้เด็กปฐมวัย (0-6 ปี) ได้รับการอบรมเลี้ยงดูและพัฒนาศักยภาพตามวัยอย่างเหมาะสม |
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โทรศัพท์ 02-6596113, 02-6596107 โทรสาร 02-2818211 |
Share:

“ผู้สูงอายุ” คือ บุคคลซึ่งมีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและมีสัญชาติไทย
“องค์กรของผู้สูงอายุ” คือ องค์กรที่ผู้สูงอายุรวมตัวกันดำเนินการตามวัตถุประสงค์และกิจกรรมเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุ
ความเป็นมา
พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 มาตรา 13 กำหนดให้มีการจัดตั้ง “กองทุนผู้สูงอายุ” ขึ้นในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ** กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุน ผู้สูงอายุ ให้มีศักยภาพ ความมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีศักยภาพ ความมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
2. สนับสนุนกิจกรรมขององค์กรที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง
วิสัยทัศน์
“กองทุนผู้สูงอายุเป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือ คุ้มครอง ส่งเสริม และสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี”
พันธกิจ
1) ส่งเสริม ชมรม องค์กรผู้สูงอายุ และภาคีเครือข่ายในการพัฒนาความเข้มแข็ง และสนับสนุนให้มี ส่วนร่วมในการผลักดันกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ
2) ส่งเสริมการกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพให้ผู้สูงอายุได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างมีศักดิ์ศรี
3) การคุ้มครอง ส่งเสริม สนับสนุน และสงเคราะห์ผู้สูงอายุตามความจำเป็นขั้นพื้นฐาน
4) พัฒนาองค์ความรู้และระบบบริหารจัดการให้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล
กลุ่มเป้าหมาย
คุณสมบัติผู้ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนผู้สูงอายุ
1. ผู้สูงอายุจะต้องเป็นผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีสัญชาติไทย
2. องค์กรผู้สูงอายุ/องค์กรที่ทำงานด้านผู้สูงอายุ
2.1 กรณีเป็นหน่วยงานภาครัฐ
– ต้องเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุ รวมทั้งได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินงานตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2547 หรือมีหน้าที่ดำเนินการในการคุ้มครองการส่งเสริมและสนับสนุนผู้สูงอายุตามประกาศกระทรวง
2.2 กรณีเป็นองค์กรภาคเอกชนหรือองค์กรของผู้สูงอายุ
– ต้องเป็นองค์กรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือได้รับการรับรองเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม การจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 6 เดือน
– หากเป็นองค์กรที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือไม่ได้รับรองเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม การจัดสวัสดิการสังคม จะต้องดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี และมีส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรของผู้สูงอายุที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หรือองค์กรสาธารณประโยชน์รับรองว่าเป็นองค์กรที่มีผลงานเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุ
หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน
ผู้สูงอายุ องค์กรของผู้สูงอายุ หรือองค์กรที่ทำงานด้านผู้สูงอายุสามารถติดต่อหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อขอการรับสนับสนุนจากกองทุนผู้สูงอายุหรือประสานงานตามกรณีที่เกี่ยวข้องได้ ดังนี้
ส่วนกลาง
ติดต่อ : กองทุนผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ
ที่ตั้ง : กองทุนผู้สูงอายุ เลขที่ 255 อาคารพิชเยนทรโยธิน ชั้น 1 ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี
ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
โทรศัพท์ : 02-354-6100
โทรสาร : 02-354-3107
ส่วนภูมิภาค
ติดต่อ : ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทุกจังหวัด
**หมายเหตุ “กองทุนผู้สูงอายุ” ปัจจุบันสังกัดกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เปลี่ยนตามการปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวง ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2558 มาตรา 12
Share:
- ระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การรับเงิน การจัดสรรเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย (15 พ.ค. 2561)
- ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขอื่นที่ให้การสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ๒) (17 เม.ย 2556)
- ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขอื่นที่ให้การสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนผู้สูงอายุ (17 เม.ย 2556)
- ระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ว่าด้วยการตัดจำหน่ายหนี้สูญของกองทุนผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๕๓ (17 เม.ย 2556)
- ระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ว่าด้วยการพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงิน การจัดทำรายงานสถานะการเงิน และการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๘ (17 เม.ย 2556)
- ระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่้งชาติว่าด้วยการบริหารกองทุน การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์ และการจัดการกองทุนผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๘ (17 เม.ย 2556)
Share:
ความเป็นมาของกองทุน
กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 มาตรา 23 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งใน สํานักงาน เรียกว่า “กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ” เพื่อเป็นทุน สําหรับการใช้จ่ายเกี่ยวกับการคุ้มครองและพัฒนาสมรรถภาพคนพิการ การศึกษาและการ ประกอบอาชีพของคนพิการ รวมทั้งการส่งเสริมและการสนับสนุนการดําเนินงานของ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ โดยจัดสรรให้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
วิสัยทัศน์
เป็นกองทุนสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนทั่วถึง และเป็นธรรม
พันธกิจ
พัฒนาศักยภาพด้านอาชีพและการศึกษาของคนพิการและผู้ช่วยเหลือคนพิการ
สนับสนุนการดําเนินงานขององค์กรและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ
พัฒนาระบบบริหารจัดการและบุคลากรของกองทุนฯ
รูปแบบการให้บริการ
1.การให้บริการกู้ยืมเงิน เป็นการบริการคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการ เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพหรือขยายกิจการ รายบุคคลรายละไม่เกิน 60,000 บาท รายกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อนชำระภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย ทั้งนี้ หากมีผู้ประสงค์จะกู้ยืมเงินเกินกว่าวงเงินที่กำหนด ให้มีการพิจารณาเป็นราย ๆ ไป โดยไม่เกิน 120,000 บาท
2. การสนับสนุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นตามระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ว่าด้วยการพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และการจัดทำรายงานสถานะการเงินและการบริหารกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2552
3.ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำ มีรายได้เพียงพอสำหรับการดำรงชีพ ลดภาระของสังคม และพัฒนาให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ของความเป็นมนุษย์
ดาวน์โหลดตารางรายงาน การติดตามลูกหนี้ กองทุนฯตารางสรุปค่าใช้จ่ายการดำเนินโครงการเสริมพลัง
คู่มือการใช้งานระบบบัญชีกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ(ส่วนภูมิภาค)
เกณฑ์ชี้วัดการพิจารณาให้กู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพ 2559
แบบฟอร์มกู้ยืมเงินรายบุคคล (พก.1/1)
แบบฟอร์มสอบข้อเท็จจริง ภายในวงเงิน 40,000 บาท
แบบฟอร์มสอบข้อเท็จจริง ภายในวงเงิน 60,000 บาท
แบบฟอร์มสอบข้อเท็จจริง ภายในวงเงิน 120,000 บาท
โบรชัวร์การให้บริการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพของคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ
คู่มือการให้บริการกู้ยืมเงินกองทุนเพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพของคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ
คู่มือแนวทางการดำเนินโครงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการใช้บริการของกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
คู่มือการใช้ระบบการขอรับเงินสนับสนุนโครงการงานสำหรับเจ้าหน้าที่
คู่มือการใช้ระบบการขอรับเงินสนับสนุนโครงการสำหรับองค์กร
Share: